บทความ

🔋 Q: รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้าใช้งานได้กี่ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง? A: โดยทั่วไป รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ ประมาณ 6–8 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับ:ความจุของแบตเตอรี่ (Ah)ลักษณะงาน (เบา/หนัก)พื้นที่ใช้งาน (ทางลาด, ทางขรุขระ ฯลฯ) แนะนำ: ควรชาร์จแบตเตอรี่ทันทีเมื่อลดต่ำกว่า 20% และอย่าปล่อยให้หมดจนแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว 🪪 Q: การขับรถฟอร์คลิฟท์ต้องมีใบอนุญาตหรือไม่? A: ต้องมี ใบรับรองผ่านการอบรมจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตตามที่ระบุในกฎหมายแรงงาน ผู้ขับขี่ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรขับฟอร์คลิฟท์อย่างปลอดภัย ได้รับใบรับรองตามที่กฎหมายกำหนด…

1. ตรวจสอบภายนอก ตรวจสอบความสะอาดทั่วไปของรถตรวจสอบสภาพยางล้อ (รอยร้าว การสึกหรอ แรงดันลม)ตรวจสอบว่าไม่มีรอยรั่วของน้ำมันหรือของเหลว 2. ตรวจสอบระบบไฮดรอลิก ตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกตรวจสอบท่อและข้อต่อว่าไม่มีการรั่วซึมหรือเสียหายทดสอบการยกและเอียงงา (Fork) ว่าทำงานได้ลื่นไหล 3. ตรวจสอบส่วนควบคุม ตรวจสอบพวงมาลัย เบรก คันเร่ง คลัตช์ และเกียร์ตรวจสอบการทำงานของแตร ไฟสัญญาณ และไฟหน้าตรวจสอบกระจกมองหลังและเข็มขัดนิรภัย 4. ตรวจสอบแบตเตอรี่ (รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้า) ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นและสภาพขั้วแบตเตอรี่ตรวจสอบสายไฟว่าไม่มีการหลุดหลวมหรือฉีกขาดตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน 5. ตรวจสอบเครื่องยนต์ (รถฟอร์คลิฟท์ดีเซล/เบนซิน) ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเกียร์ตรวจสอบสายพาน…

🔧 การซ่อมบำรุงรถฟอร์คลิฟท์: หัวใจของความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน รถฟอร์คลิฟท์ (Forklift) เป็นอุปกรณ์สำคัญในงานคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักมากอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากขาดการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม รถฟอร์คลิฟท์อาจกลายเป็นภัยคุกคามทั้งต่อชีวิตผู้ใช้งานและระบบการผลิตโดยรวม 🛠️ ทำไมต้องซ่อมบำรุงรถฟอร์คลิฟท์? การซ่อมบำรุงที่ดีจะช่วยให้รถฟอร์คลิฟท์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนจากการซ่อมแซมฉุกเฉินหรือการหยุดสายการผลิต 🔍 ประเภทของการซ่อมบำรุง 1. การตรวจสอบประจำวัน (Daily Inspection) การตรวจสอบก่อนใช้งานทุกวันช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาเล็กน้อยก่อนลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ เช่น: ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง / น้ำมันไฮดรอลิกตรวจสอบยาง เบรก ไฟ และเสียงผิดปกติตรวจสภาพงาและชุดยก…

ควรเลือกตามคุณสมบัติตามการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเผื่อน้ำหนักให้มากจนเกินไป เพราะขนาดตัวรถก็จะใหญ่ตามไปด้วย แต่เบื้องต้นนั้น เราต้องเลือกประเภทของรถที่เป็นตัวเลือกหลักๆก่อน เช่น ต้องการรถยกไฟฟ้า รถยกเบนซิน หรือรถยกแบบดีเซล แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและข้อจำกัดที่ต่างกัน รถยกไฟฟ้า เป็นทางเลือกที่ดี เหมาะสมกับโกดัง และสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และโรงงานระบบปิด เพราะไม่มีมลภาวะทั้งกลิ่น, เสียง  สามารถใช้งานในห้องเย็นได้ ตั้งแต่อุณหภูมิต่ำ จนถึงอุณหภูมิติดลบ 40 องศา  ปัจจุบันมีสเป็คและยี่ห้อให้เลือกหลากหลาย รองรับน้ำหนักตั้งแต่ 900 ถึง 3,500 กิโลกรัม และมีความสูงเริ่มต้นตั้งแต่ 3…