ควรเลือกตามคุณสมบัติตามการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเผื่อน้ำหนักให้มากจนเกินไป เพราะขนาดตัวรถก็จะใหญ่ตามไปด้วย แต่เบื้องต้นนั้น เราต้องเลือกประเภทของรถที่เป็นตัวเลือกหลักๆก่อน เช่น ต้องการรถยกไฟฟ้า รถยกเบนซิน หรือรถยกแบบดีเซล แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและข้อจำกัดที่ต่างกัน
- รถยกไฟฟ้า เป็นทางเลือกที่ดี เหมาะสมกับโกดัง และสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และโรงงานระบบปิด เพราะไม่มีมลภาวะทั้งกลิ่น, เสียง
สามารถใช้งานในห้องเย็นได้ ตั้งแต่อุณหภูมิต่ำ จนถึงอุณหภูมิติดลบ 40 องศา
ปัจจุบันมีสเป็คและยี่ห้อให้เลือกหลากหลาย รองรับน้ำหนักตั้งแต่ 900 ถึง 3,500 กิโลกรัม และมีความสูงเริ่มต้นตั้งแต่ 3 เมตร ถึง 12 เมตร
มีค่าบำรุงรักษา, และค่าเชื้อเพลิงต่ำ แต่ไม่เหมาะกับการใช้ภายนอกอาคาร สามารถใช้ยกของได้ แต่ไม่เหมาะกับงานที่ใช้ดึง, ดัน, ลากสินค้า
- รถยกแบบยืนขับ เหมาะจะใช้งานพื้นที่แคบ วงเลี้ยว เริ่มต้น 2.4 เมตร, พื้นเรียบ
- รถยกแบบนั่งขับ เหมาะจะใช้งานพื้นที่กว้าง วงเลี้ยว เริ่มต้น 3 เมตร, พื้นเรียบ และขรุขระเล็กน้อย
- รถยกแบบนั่งข้าง เหมาะจะใช้งานพื้นที่แคบ และโกดังที่มีชั้นวางสูง ความสูง 6-12 เมตร
เหมาะกับกลุ่มธุรกิจ เช่น โกดังสินค้า (Ware House), ห้องเย็น, ธุรกิจยกเมล็ดพลาสติก, ธุรกิจอาหาร เป็นต้น
- รถยกน้ำมันดีเซล เครื่องยนต์มีกำลังสูง เหมาะกับการใช้งานทุกสภาพอากาศ และพื้นทุกรูปแบบ ทั้งพื้นเรียบและทางลาดชัด เหมาะสำหรับใช้ภายนอกอาคาร และสถานที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 ตัน ถึง 40 ตัน
- รถยกน้ำมันเบนซิน/LPG ราคาสินค้าต่ำกว่ารถยกดีเซล, ไฟฟ้า เหมาะกับการใช้งานทุกสภาพอากาศ และพื้นทุกรูปแบบ ทั้งพื้นเรียบและทางลาดชัด เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง สามารถสลับเชื้อเพลิงเบนซิน, LPG ได้ มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 ตัน ถึง 7 ตัน